1607 จำนวนผู้เข้าชม |
เอดินบะระ (Edinburgh)
เมืองเอดินบะระเป็นเมืองหลวงของแคว้นสก็อตแลนด์ คำว่า Edinburgh คนไทยเราจะอ่านว่า เอดินเบิร์ก แต่จริง ๆ แล้วอ่านว่า เอดินบะระ ค่ะ เอดินบะระเป็นเมืองหลวงของแค้วนสก็อตแลนด์
เตรียมตัวเดินทางกับ Mellow Rent Coats ร้านเช่าเสื้อกันหนาว และอุปกรณ์กันหนาวครบวงจร
แพลนสถานที่ท่องเที่ยวเสร็จแล้ว แพลนเรื่องเสื้อกันหนาวต่อเลยนะคะก่อนอื่นคือให้เช็คอุณหภูมิสถาพอากาศคร่าว ๆ ก่อนได้เลยค่ะว่าในช่วงที่เราเดินทางนั้นอากาศเป็นอย่างไร เราควรเตรียมเสื้อกันหนาวกันยังไงเพื่อให้เหมาะทั้งการใช้งานและความสวยงาม แต่ถ้าไม่แน่ใจสามารถสอบถามมาที่ Mellow Rent Coats ได้นะคะ ที่ร้านมีแอดมินให้คำปรึกษาค่ะว่าต้องเลือกเช่าเสื้อกันหนาว เช่าเสื้อโค้ท แบบไหน ยังไงถึงจะเหมาะกับช่วงที่มีแพลนเดินทาง นอกจากนี้นะคะสำหรับทริปไปเที่ยวอังกฤษการเดินทางใช้ระยะเวลาหลายวันหาก เช่าเสื้อกันหนาวแล้ว สัมภาระอื่น ๆ ที่แพลนเอาไปด้วยไม่พอที่จะใส่กระเป๋าเดินทางที่ม่อยู่ที่ร้านก็มีให้เช่ากระเป๋าเดินทาง หรือจะเป็น เช่ารองเท้าบูทกันหิมะ ที่ร้านก็มีให้เช่าเหมือนกันนะคะ สามารถสอบถามมาได้เลยค่ะ หรืออยากดูแบบเพื่อตัดสินใจก่อนก็สามารถเข้ามาดูก่อนได้ที www.mellowrentcoats.com ค่ะ หรือ IG : @mellowrentcoats21 หรือมาดูได้ที่หน้าร้านติด BTS ปุณณวิถี ได้ค่ะ แอดมินขออนุญาติลงรายละเอียดของร้านที่ด้านล่างบทความให้นะคะ
การเดินทางจากลอนดอนไปเอดินบะระ (Edinburgh)
เดินทางโดย National Rail
- เเอดินบะระยู่ห่างจากลอนดอนแค่ 600 กิโลเมตร การเดินทางมาที่นี่ก็สามารถนั่ง National Rail ได้ค่ะ ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมงครึ่งจากสถานี London King’s Cross ไปยังสถานี Edinburgh Waverley
- กรณีเดินทางจาก Manchester ก็สามารถขึ้น National Rail จากสถานี Manchester Piccadilly ไปยังสถานี Edinburgh Waverley
เดินทางโดยเครื่องบิน บนมาลงที่ Edinburgh Airport และนั่งรถ Tram มาลงที่ Princess Street หรือจะเข้าเมืองโดยใช้รถบัส Airlink 100 Express ก็ได้ค่ะ มาลงที่สะพาน Waverley Bridge
เดินทางโดยรถบัส จากลอนดอนสามารถนั่ง Victoria Coach ไปลงที่ Edinburgh ใช้เวลา 10 ชั่วโมง
การเดินทางภายในเมืองเอดินบะระ (Edinburgh)
รถราง หรือ tram ที่ เอดินบะระ นี่มีแค่ 1 สายเชื่อมระหว่างสนามบิน Edinburgh Airport และ York Place โดยป้ายที่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวมากที่สุดคือ Princess Street
รถบัสประจำทาง ตั๋ววันราคา 4 ปอนด์ค่ะ ครอบคลุมแหล่งท่องเที่ยวทั้งหมด
รถบัสท่องเที่ยว ราคา 15-20 ปอนด์ต่อวัน ขึ้นลงกี่รอบก็ได้
การเดินเท้า สำหรับวิธีนี้แนะนำค่ะเพราะว่ามเมืองนี้ไมได้ใหญ่อะไรเลย เราสามารถเดินได้อย่างสบาย ๆ เลยค่ะ
เอดินบะระแบ่งออกเป็น Old Town กับ New Town ค่ะ ส่วนของ Old Town เป็นเขตเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยว โดยามีถนน The Royal Mile ที่เต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์ ร้านค้าขายผ้าลายสก็อต รวมทั้งวิสกี้ด้วยค่ะ และ New Town เป็นเขตเมืองใหม่ที่คราคร่ำไปด้วยห้างสรรพสินค้าและร้านค้ามากมาย
ปราสาทเอดินบะระ Edinburgh Castel
คนสก็อตแลนด์จะเรียกผ้าลายสก็อต หรือ ผ้าลายหมากรุกนี้ว่า Tartan เป็นลายตารางคาดกันตามแนวตั้งและแนวนอน เกิดจากการทอเส้นใย โดยมีสีแตกต่างกันไปแต่ละตระกูล และที่เราเห็นคือผู้ชายสก็อตจะใส่กระโปรงลายหมากรุกเป่าปีสก็อตเราจะเรียกว่า Kilt นะคะเป็นประเพณีของที่นี่ค่ะ สำหรับ นิทรรศการผ้าลายสก็อต หรือ Tartan Weaving Mill and Exhibition มีจัดแสดงตั้งแต่การตัดขนแกะเพื่อนำมาปั่นเป็นเส้นใย ไปจนถึงการย้อม การม้วน อุปกรณ์การทอผ้า วิธีการทอผ้าลายสก็อต เครื่องจักรทอผ้า และรูปปั้นที่แสดงวิธีการทอผ้าให้เราได้เข้าใจกัน
ที่ตั้ง : หัวมุมถนนด้านขวามือ ติดลานหน้าประสาทเอดินบะระ
เวลาเปิด-ปิด : 09.00-17.30 น.
พิพิธภัณฑ์วิสกี้ The Scotch Whisky Experience
คำพูดของคนสก็อตกล่าวไว้ว่า วิสกี้ คือ น้ำแห่งชีวิต เพราะว่าเมื่อได้ดื่มแล้วผู้ที่ดื่มจะกระชุ่มกระชวย มีความสุข นั้นเองหละคะ วิสกี้ที่ดีนั้นควรมีสีเหลืองอำพัน มีกลิ่นหอมอ่อนของมอลล์ มาถึงพิพิธภัณฑ์วิสกี้แห่งนี้แล้วเราต้องไปทัวร์กันค่ะที่ พิพิธภัณฑ์วิสกี้ แห่งนี้มีหลากหลายทัวร์ด้วยกันค่ะ แอดมินแนะนำให้เลือกเป็น Silver Tour ค่ะ เพราะว่าเราจะได้ชมครอบคลุมตั้งแต่ประวัติความเป็นมาของวิสกี้ วิธีการทำวิสกี้ ได้ชมห้องเก็บวิสกี้ และได้ชิมวิสกี้ที่มีชื่อเสียงของพิพิธภัณฑ์วิสกี้กันด้วยค่ะ
ที่ตั้ง : บนถนน The Royal Mile เยื้องกับนิทรรศการผ้าลายสก็อต
เวลาเปิด-ปิด : 10.00-17.00 น. (เมษ - กค เปิดถึง 18.00)
ถนน The Royal Mile
ถนน The Royal Mile แห่งนี้นอกจากมนต์เสน่ห์และความงดงามของอาคารบ้านเรือนแล้ว ที่ได้ชื่อว่า The Royal Mile เพราะว่าถนนเส้นนี้เชื่อมระหว่างปราสาทเอดินเบิร์ก และพระราชวังฮอรีรูดเอ้าส์ด้วยระยะทางประมาณ 1 ไมล์ นอกจากนี้ ถนน The Royal Mile เส้นนี้แบ่งแยกย่อยออกเป็น 4 ช่วงด้วยกันค่ะ มีชื่อเรียกคือดังนี้ Castelhill, Lawnmarket, High Street และ Canongate ตลอดถนนเส้นนี้จะมีของขายมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านคาเฟ่ ร้านอาหาร
ร้านคาเฟ่ The Elephant House
เชื่อว่าคนที่เป็นแฟน Harry Potter ต้องรู้จักร้าน The Elephant House อยู่แล้วเพราะว่าเป็นร้านที่ J.K Rolling ให้กำเนิดเรื่อง Happy Potter ขึ้นมาจากการมานั่งเขียนต้นฉบับที่นี่โดยได้มองออกไปยังวิวที่เห็น ปราสาทเอดินบะระ ซึ่งคือไอเดียของการเริ่มต้นปราสาทฮอกวอตในเรื่องนั้นเองหละคะ หน้าร้านแห่งนี้มีจะป้ายว่า Birthplace of Harry Potter แอดมินแนะนำให้มานั่งเอาบรรยากาศกันนะคะ
ที่ตั้ง : ถนน George IV Bridge
เวลาเปิด-ปิด : 08.00-22.00 น.
เขตช้อปปิ้ง New Town
ตลอดถนน Princess Street เป็นถนนช็อปปิ้งหลักของเอดินบะระ ทั้งถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยร้านค้า มีห้างเก่าแก่สไตล์สก็อตด้วยนะคะ ชื่อ Jenners เน้นขายพวกเสื้อผ้าเป็นหลักค่ะ และถ้ายังไม่จุใจนะคะ ถนนที่ขนาดกันกับเส้น Princess Street ก็จะมี Rose Street และ George Street ก็มีร้านค้า ร้านคาเฟ่ ร้านอาหารเรียงรายตลอดทั้งเส้นไม่แพ้กันค่ะ
เนินเขาคาลตัน (Calton Hill)
เนินเขาคาลตันเป็นเนินเขาที่สวยที่สุดในเมืองจนได้ฉายาว่า Athens of the North เพราว่าสิ่งก่อสร้างสไตล์กรีกที่ดูเผิน ๆ แล้วเหมือนกับใครยกเอานครเอเทนมาไว้ที่นี่เลยหละคะ เนินเขาคาลตันเป็นจุดชมวิวที่สวยเพราะว่านอกจากจะมีอนุสาวรีย์สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ แล้ว จากบนเนินเขานี้มองเห็นวิวทะเล ท่าเรืออีกด้วยหละคะ
ที่ตั้ง : ปลายสุดของถนน Princess Street
กับเมืองที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ต้นกำเนิดของ Harry Potter ที่ใคร ๆ หลายคนหลงรัก และชื่นชอบก็คงจะเป็นปลิ้มกับบรรยากาศของเมืองนี้นะคะ แล้วเจอกันใหม่กับบทความหน้านะคะ