5 เทคนิคการเลือกกระเป๋าเดินทาง ให้เหมาะกับการเดินทางของสาวนักช้อป & นักแชะ

5956 จำนวนผู้เข้าชม  | 

 
 
 
1) แผนการเดินทาง จำนวนวันเดินทาง และของฝาก
 
ประเทศ จำนวนวัน และภูมิอากาศช่วงที่เดินทางไป  เนื่องจากประเทศที่จะเดินทางไปนั้นหากเป็นประเทศทางฝั่งยุโรปส่วนมากจำนวนวันเดินทางจะมากกว่านั้นหมายถึงจำนวนเสื้อผ้าที่มากกว่า  และอีกสิ่งคือภูมิอากาศในช่วงที่เดินทาง เพราะหากเดินทางในช่วงฤดูหนาวเสื้อผ้าที่ต้องจัดถึงจะเดินทางด้วยจำนวนวันที่เท่ากันกับเดินทางในช่วงฤดูอื่น  แต่เนื้อที่ในกระเป๋าจะลดลงเพราะเสื้อกันหนาวค่อนข้างกินพื้นที่เลยทีเดียว ทางแก้คือ  การใช้ถุงสุญญากาศนั้นเอง  แนวทางคร่าว ๆ สำหรับการเลือกขนาดกระเป๋ามีดังนี้
 
 
 
  • เดินทางประมาณ 1-3 วัน ควรเลือกใช้กระเป๋าขนาด 20”
  • เดินทางประมาณ 4-6 วัน ควรเลือกใช้กระเป๋า 24 –26**”
  • เดินทางประมาณ 7-10 วัน ควรเลือกใช้กระเป๋า 28 -29** ”
** แนะนำที่ 26 สำหรับสาวนักช้อปและสาวๆที่ชอบแต่งตัว ต้องมีเสื้อผ้าไปเปลี่ยนหลายตัว
ของฝาก  ประเทศที่เราจะเดินทางไปนั้นย่อมมีของฝากที่น่าขนกลับไทยแน่นอน  ดังนั้นศึกษาไปให้ดีว่าของฝากที่ว่ามีน้ำหนักมาก หรือขนาดที่ใหญ่เล็กแค่ไหนจะได้แพลนขนกลับได้ว่าจะใส่มากับกระเป๋าเดินทางหรือจะแยกใส่กระเป่าอื่น  หากต้องการความสะดวกกาเลือกกระเป่าไปใบใหญ่หน่อยเพื่อเผื่อพื้นที่ในการใส่ของช้อปกลับก็เป็นอืกทางที่สะดวกดี
 
 
*** นอกจากนี้แล้วการเช็คให้ดีว่าการเดินทางในครั้งนั้นตรงกับช่วงเทศกาลเซลล์  เพื่อวางแผนเผื่อทั้งกระเป๋าและน้ำหนักขากลับจะดีกว่าไปซื้อกระเป๋าหรือน้ำหนักเพิ่มวันกลับแน่นอน
 
 
2) น้ำหนักกระเป๋าที่สามารถโหลดได้
 
กรณีจองตั๋วเครื่องบินและไม่มีน้ำหนักกระเป๋าให้  แต่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ 7 กิโลกรัม ซึ่งกระเป๋าก็จะมีขนาดที่สายการบินกำหนดไว้ว่าสามารถใช้ถือขึ้นเครื่องได้   ควรตรวจสอบเรื่องของน้ำหนักและเช็คขนาดกระเป๋าให้ดีก่อน  เพราะอาจเกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้  ถ้าหากขนาดและน้ำหนักไม่ได้เป็นไปตามกำหนดของสายการบินนั้นๆ   และที่สำคัญอย่าลืมตรวจเรื่องปริมาณของเหลว และสิ่งของที่ไม่อนุญาตให้ถือขึ้นเครื่องได้อย่างของมีคมเป็นต้น 

***ขนาดของกระเป๋าสามารถสอบถามได้ที่สายการบินนั้นๆ
กรณีจองตั๋วเครื่องบินและมีน้ำหนักที่สามารถโหลดกระเป๋าได้   ควรตรวจสอบน้ำหนักกระเป๋าเดินทางที่จัดเรียบร้อยแล้วให้ดีว่ามีน้ำหนักที่เกินกว่าน้ำหนักที่ได้รับหรือไม่  หากเกินควรติดต่อเพื่อซื้อน้ำหนักเพิ่มก่อนวันเดินทาง    แต่ส่วนใหญ่แล้ววันเดินทางไปนั้นน้ำหนักมักจะไม่เกินกว่าที่ได้รับมา  และถ้ามีแพลนว่าจะช้อปขากลับเยอะ ๆ อีกสิ่งที่แนะนำคือ  การแพ็คกระเป๋าเดินทางใบเล็กขนาด 20” ลงในกระเป๋าใบใหญ่   กรณีน้ำหนักฝั่งขาไปหรือขาออกจากประเทศไม่เกินกว่ากำหนด แต่ถ้าหากเกินแนะนำให้ถือขึ้นเครื่องฝั่งขาไปหรือขาออกจากประเทศไทย  หรืออาจะพกกระเป๋าแบบพับได้สำหรับเดินทางก็ได้เพื่อใช้ในการขนของช้อปนั้นเองค่ะ
 
สรุปขนาดและน้ำหนักกระเป่าเดินทางที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ของแต่ละสายการบิน และ สิ่งของที่ห้ามนำขึ้นเครื่องบิน
 
3)  เลือกกระเป๋าล้อลากแบบ Hard Case ก็ดีนะ ถ้ายังไม่มีช้อย
 
กระเป๋าล้อลากแบบ Soft Case
 
ข้อดีคือ วัสดุที่ของกระเป๋า Soft Case ทำจากผ้าหรือใยสังเคราะห์ทำให้น้ำหนักของกระเป๋าเบา (เมื่อเปรียบเทียบกับแบบ Hard Case) และไม่มีรอบขีดข่วนง่าย  กระเป๋าไม่แตกหักเมื่อโดนโยนในระหว่างการขนย้ายทีสนามบิน  และด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันกระเป๋าแบบ Soft Case ได้พัฒนาได้ในระดับนึง  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถกันน้ำได้เมื่อต้องลุยฝนหรือลุยหิมะ ซึ่งหมายความว่ากระเป๋าต้องไปอยู่กลางฝน หรือหิมะเป็นเวลาประมาณนึง  ซึ่งอาจะทำให้ข้าวของข้างในเปียกได้ (ที่ฝันร้ายกว่านั้นคือ กระเป๋าที่เปียกจะอมน้ำและหนักมาก และการจะทำให้แห้งนั้นเป็นเรื่องที่ยากเอาเรื่องเลยทีเดียว)  และด้วยความที่วัสดุที่ทำกระเป๋า Soft Case จะเป็นผ้าหรือใยสังเคราะห์  ทำให้ไม่สามารถป้องกันการกระแทกให้กับของที่เราแพ็คใส่กระเป๋ามาได้  โดยเฉพาะของที่สามารถแตกหักได้เมื่อเกิดการโยนกระเป๋าในระหว่างโหลดกระเป๋าในสนามบินนั้นเอง   และอีกสิ่งที่ควรตระหนักสำหรับสาวๆคือ กระเป๋าที่ทำจากผ้า หรือเส้นใจเมื่อไปเปื้อนอะไรแล้วทำความสะอาดต้องใช้เวลาพอสมควร  แนะนำให้ใส่ถุง PVC ที่ผลิตมาเพื่อป้องกันกระเป๋าก็จะช่วยทำให้กระเป๋าสวยงามไปได้อีกนาน
 
กระเป๋าล้อลากแบบ Hard Case
 
กระเป๋าแบบ Hard Case มีข้อดีคือ กระเป๋าจะทำจากวัสดุที่เป็นพลาสติก หรือ ไฟเบอร์ ทำให้มีความแข็งแรงทนทาน และที่มสำคัญยังสามารถปกป้องสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋าได้เป็นอย่างดี  และด้วยปัจจุบันเทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้น้ำหนักของกระเป๋า Hard case ไม่หนักเหมือนแต่ก่อน และที่สำคัญคือสามารถช่วยกันน้ำได้  แต่ที่เป็นข้อเสียคือกระเป๋าเดินทางนอกจากรอยขีดข่วนที่จะทำให้กระเป๋าดูเก่าแล้ว  (สามารถป้องกันได้ด้วยถุง PVC  ป้องกันกระเป๋าเกิดรอยขีดข่วน)  ตัวกระเป๋าเองเสี่ยงต่อการแตกหักถ้าต้องโดยกระแทกกับสิ่งที่แข็งแรงกว่า
 
การเลือกระหว่างกระเป๋าเดินทาง Soft Case หรือ Hard Case นั้น แล้วแต่ว่าความชอบและความถนัดของแต่ละคน
ถ้าเป็นนักแพ็คกระเป๋าตัวยง ให้ของเยอะแค่ไหนฉันก็จัดอยู่  แนะนำแบบ Soft case ดีกว่าเพราะว่ามีความยืดหยุ่นเวลาแพ็คกระเป๋า คือวัสดุมันช่วยให้ยืดหยุ่นได้เลย (ถ้านึกภาพไม่ออกคือมันจะบวมๆ ด้านข้างได้) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรดูประเทศ ภูมิอากาศ ก่อนเดินทางไปด้วยนะคะว่ามีพายุฝน พายุหิมะ หรือไม่
ถ้าไปทริปไหนจัดมาเป๊ะทุกทริปไม่เคยมีน้ำหนักเกิน  การเลือกแบบ Hard Case ก็เป็นทางเลือกที่ดีเพราะน้ำหนักที่เบา แข็งแรงทนทานนั้นเองค่ะ
 
4)   เลือกกระเป๋าเดินทางแบบ 4 ล้อ
 
ว่าด้วยเรื่องล้อของกระเป๋าเดินทางนั้น  กระเป๋าเดินทางในตลาดที่ขายๆกันจะมีทั้งแบบ 2 ล้อ 4 ล้อ และแบบล้อคู่ (Double wheel) นะคะ   ซึ่งแต่ละแบบจะมีข้อดี ข้อเสีย  ที่แล้วแต่คนจะเลือกซื้อกัน
กระเป๋าเดินทาง 2 ล้อ   
  • ข้อดี : เมื่อเปรียบเทียบกับกระเป๋าขนาดเดียวกัน  มันจะมีราคาถูกกว่าแบบ 4 ล้อ และแบบล้อคู่  เมื่อวางกระเป๋าในพื้นที่ต่างระดับ กระเป๋าไม่เลื่อนไปตามระดับพื้นที่เอียง
  • ข้อเสีย :  การลากกระเป่าต้องลากแบบเอียงให้กระเป๋าเฉียงเล็กน้อยแล้วจึงสามารถลากได้  ดังนั้นจึงต้องการพื้นที่ในการที่จะลากกระเป๋าได้  ดังนั้นแปลว่าถ้าอยู่ในพื้นที่ที่แคบบางครั้งอาจต้องใช้วิธีการหิ้ว หรือยกเอา  ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ  กรณีที่ต้องไปต่อแถวยาวๆ ในพื้นที่เล็กๆ อย่างร้านอาหารญี่ปุ่นแล้วสาวๆ จะต้องลากกระเป๋า 2 ล้อ ก็จะกินพื้นที่  ทำให้ไม่สะดวกก็อาจต้องหิ้วกระเป๋าเดินทางไว้นั้นเอง 
 
กระเป๋าเดินทาง 4 ล้อ   (เป็นที่นิยม***)
  • ข้อดี  ลากได้ง่ายกว่าแบบ 2 ล้อ เพราะสามารถลากได้ทุกทิศทาง และแม้ว่าจะต้องลากในพื้นที่คับแคบก็สามารถทำได้
  • ข้อเสีย  หากปล่อยมือจากกระเป๋าจากพื้นที่ที่ต่างระดับ  ก็ทำให้กระเป๋าลื่นไหลไปได้
กระเป๋าเดินทางล้อคู่    (แบบมี 2 ล้อที่แต่ละมุมของกระเป๋า)
  • ข้อดี  สำหรับกระเป๋าใบใหญ่ๆ บรรทุกของข้างในมาหนัก  การเลือกใช้ล้อคู่ก็สามารถทำให้ช่วยผ่อนแรงทำให้เคลื่อนย้ายกระเป๋าได้ง่ายขึ้น 
  • ข้อเสีย  ข้อดีที่มากขึ้น ก็ต้องตามมาด้วยราคาที่มากขึ้น
สำหรับ Mellow Rent Coats แนะนำสาวๆ อย่างเราเป็นกระเป่าแบบ 4 ล้อ จะดีกว่านะคะ  ด้วยราคาและการใช้งานที่คุ้มค่า
 
 
5) เลือกแบบที่มีหูหิ้วด้านข้าง
 
กระเป๋าเดินทางโดยทั่วไปจะมีหูหิ้วไว้ด้านบนหรือด้านที่มีที่ลากกระเป๋าและมีหูหิ้วด้านข้างด้วย  แต่บางรุ่นก็ไม่มี  ถ้าเป็นไปได้เลือกแบบที่มีด้านข้างจะสะดวกกับการต้องยกกระเป๋าเดินทางจากด้านข้าง  เช่น เวลาที่เราต้องยกกระเป๋าเดินทางขึ้นรถเข็น หรือ ยกกระเป๋าเดินทางจากสายพานในจังหวะกระเป๋าถูกลำเลียงมาจากด้านข้าง
นอกจากนี้แล้ว เทคนิคเล็ก ๆ น้อย
  • เลือกแบบที่ถ่ายรูปได้
ในยุคสมัยนี้   ไปที่ไหนก็ต้องถ่ายรูป เช็คอินท์  กับกระเป๋าเดินทางก็เช่นกัน  เดี๋ยวนี้นอกจากกระเป๋าเดินทางจะถูกดีไซด์ในเรื่องของฟังก์ชั่นการใช้งานแล้วยังดีไซด์ให้สวยงาม  เท่ห์ และทันสมัย สามารถนำมาเป็นพร็อพในการถ่ายรูปเกร๋ๆ  ได้อีกด้วย  
 
  • เช็คกระเป่าเดินทางทุกครั้งเมื่อรับกระเป่าจากสายพาน 
เหตุผลที่ต้องเช็คความเรียบร้อยของกระเป๋าเดินทางให้เรียบร้อยก่อนหลังจากได้รับกระเป๋าจากสายพาน  โดยเมื่อเราหยิบกระเป๋าเดินทางจากสายพานแล้วอย่าเพิ่งยกขึ้นรถเข็นเลย  ให้ลองลากดูก่อนว่าลากได้ปกติไหมและสังเกตุรอยบุบ แตก หรือ ล้อว่าอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ไหม  หากเกิดการแตกหักเสียหาย  การเคลมกระเป๋าเดินทางกับทางสายการบินมีหลักสำคัญคือ ต้อง”แจ้งทันที” เท่านั้นนะคะ  ซึ่งสมารถแจ้งเคลมได้ที่เคาน์เตอร์บริการของสายการบินซึ่งจะอยู่ใกล้กับสายพานรับกระเป๋านั้นเอง  แต่ถ้าหากหาไม่เจอก็สามารถถามพนักงานในนามบินได้นะคะ
 
“ Mellow Rent Coats ให้ความใส่ใจกับการเลือกกระเป๋าเดินทาง 
เพราะเราเชื่อว่า....กระเป๋าเดินทาง ไม่ใช่แค่ใส่สัมภาระและออกเดินทาง   แต่กระเป๋าเดินทางคือส่วนหนึ่งที่พาสัมภาระแห่งความความทรงจำ  กลับมาจากการออกเดินทางค้นหาสิ่งใหม่ๆทุกครั้ง ”
 
 
สำหรับใครที่มองหากระเป๋าแข็งแรงทนทาน ดีไซด์เกร๋ๆ มีเปลี่ยนถ่ายรูปไม่ซ้ำแต่ละทริป แนะนำมาเลือกเช่าที่ Mellow Rent Coats  ที่นี่มีกระเป๋าเดินทางให้เช่า มีให้เลือกหลากหลายขนาด หลายดีไซด์   พร้อมกับคำแนะนำดีๆจากพวกเรา Mellow Rent Coats
 
 
บทความที่น่าสนใจอื่นๆ
 
---------------------------------------------------------------------------------------------
 
 
Credit ภาพจาก
 
https://www.pinterest.com/pin/248683210657516023/
 
 
 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้